5. พรมแดนด้านตะวันออกคือทะเลตายขึ้นไปถึงปากแม่น้ำจอร์แดน และพรมแดนด้านเหนือ ตั้งแต่อ่าวที่ทะเลตรงปากแม่น้ำจอร์แดน
6. และพรมแดนนั้นยื่นไปถึงเบธฮกลาห์ผ่านไปตามด้านเหนือของเมืองเบธอราบาห์ และพรมแดนยื่นต่อไปถึงโขดหินของโบฮันบุตรรูเบน
7. และพรมแดนยื่นไปถึงเดบีร์จากหุบเขาอาโคร์ ตรงไปทางทิศเหนือเลี้ยวไปหาเมืองกิลกาลซึ่งอยู่ตรงข้ามทางขึ้นเขาอดุมมิมที่อยู่ทางด้านใต้ของหุบเขา และพรมแดนก็ผ่านไปถึงลำน้ำเอนเชเมชไปสิ้นสุดลงที่เอนโรเกล
8. แล้วพรมแดนก็ยื่นไปตามหุบเขาเบนฮินโนม ถึงไหล่เขาด้านใต้ของคนเยบุส (คือเยรูซาเล็ม) แล้วพรมแดนก็ยื่นไปถึงยอดภูเขา ซึ่งอยู่หน้าหุบเขาฮินโนมทางด้านตะวันตก ที่หุบเขาเรฟาอิมด้านเหนือสุด
9. แล้วพรมแดนก็ยื่นไปจากยอดภูเขาถึงน้ำพุแห่งลำน้ำเนฟโทอาห์ จากที่นั่นก็มาถึงเมืองต่างๆ แห่งภูเขาเอโฟรน แล้วพรมแดนก็เลี้ยวโค้งไปหาเมืองบาอาลาห์ (คือเมืองคีริยาทเยอาริม)
10. แล้วพรมแดนก็เลี้ยวโค้งจากบาอาลาห์ไปทางทิศตะวันตกถึงภูเขาเสอีร์ ผ่านไปตามไหล่เขาเยอาริมด้านเหนือ (คือเคสะโลน) ลงไปถึงเมืองเบธเชเมชผ่านเมืองทิมนาห์ไป
11. แล้วพรมแดนก็ยื่นออกไปทางไหล่เนินเขาด้านเหนือของเมืองเอโครน แล้วก็โค้งไปหาเมืองชิกเคโรนผ่านไปถึงภูเขาบาอาลาห์ออกไปถึงเมืองยับเนเอล และพรมแดนก็มาสิ้นสุดลงที่ทะเล
12. พรมแดนด้านตะวันตก คือทะเลใหญ่ตามฝั่งทะเล นี่เป็นพรมแดนล้อมรอบคนยูดาห์ตามตระกูลของเขา
13. ตามพระดำรัสของพระยาห์เวห์ที่ตรัสแก่โยชูวา ท่านยกที่ดินส่วนหนึ่งในเขตของคนยูดาห์ให้แก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์ คือคีริยาทอารบาที่เรียกเมืองเฮโบรน (อารบาเป็นบิดาของอานาค)
14. และคาเลบได้ขับไล่บุตรทั้งสามของอานาคออกจากที่นั่น คือเชชัย อาหิมานและทัลมัย ผู้เป็นพงศ์พันธุ์ของอานาค
15. และท่านขึ้นไปจากที่นั่นจะต่อสู้กับชาวเมืองเดบีร์ เมืองเดบีร์เดิมมีชื่อว่า คีริยาทเสเฟอร์
16. และคาเลบกล่าวว่า “ใครโจมตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์และยึดได้ เราจะยกอัคสาห์บุตรสาวของเราให้เป็นภรรยา”
17. และโอทนีเอลบุตรเคนัส น้องคาเลบตีเมืองนั้นได้ ท่านจึงยกอัคสาห์บุตรสาวของท่านให้เป็นภรรยา
18. อยู่มาเมื่อแต่งงานกันแล้ว นางจึงชวนสามีให้ขอที่นาจากบิดา นางก็ลงจากหลังลา และคาเลบถามนางว่า “เจ้าต้องการอะไร?”
19. นางตอบท่านว่า “ขอพรให้ลูกสักอย่างหนึ่งเถิด เพราะพ่อให้แผ่นดินทางใต้แก่ลูก ลูกขอน้ำพุด้วย” คาเลบก็ยกน้ำพุบนและน้ำพุล่างให้แก่นาง