10. พวกเขาจะยืนห่างๆ เพราะกลัวภัยจากการทรมานนครนั้น และจะกล่าวว่า“วิบัติแล้ว วิบัติแล้ว นครที่ยิ่งใหญ่นครบาบิโลนที่แข็งแกร่งเพราะการพิพากษามาถึงเจ้าแล้วภายในชั่วโมงเดียวเท่านั้น”
11. พวกพ่อค้าบนแผ่นดินโลกจะร้องไห้และโศกเศร้าเนื่องจากนครนั้น เพราะไม่มีใครซื้อสินค้าของเขาอีกต่อไปแล้ว
12. สินค้าเหล่านั้นได้แก่ ทองคำ เงิน อัญมณีต่างๆ ไข่มุก ผ้าป่านเนื้อละเอียด ผ้าสีม่วง ผ้าไหม ผ้าสีแดงเข้ม ไม้หอมทุกชนิด สิ่งของทุกอย่างที่ทำจากงาช้าง สิ่งของทุกอย่างที่ทำจากไม้ราคาแพง จากทองสัมฤทธิ์ เหล็ก และหินอ่อน
13. อบเชย เครื่องเทศ เครื่องหอม มดยอบ กำยาน เหล้าองุ่น น้ำมันมะกอก แป้งอย่างดี ข้าวสาลี โค แกะ ม้า รถม้า ทาส และเชลยศึก
14. ผลที่จิตใจของเจ้าอยากได้นั้นก็หายไปจากเจ้าทุกสิ่งที่หรูหราและงามตระการตาก็สูญสิ้นไปจากเจ้าและเจ้าจะไม่ได้พบเห็นอีกเลย
15. พวกพ่อค้าที่ขายสิ่งเหล่านี้และเป็นคนมั่งมีเพราะนครนั้น จะยืนอยู่ห่างๆ เพราะกลัวภัยจากการทรมานนคร พวกเขาจะร้องไห้และโศกเศร้า
16. กล่าวว่า“วิบัติแล้ว วิบัติแล้ว นครที่ยิ่งใหญ่นครที่สวมใส่ผ้าป่านเนื้อละเอียดผ้าสีม่วงและผ้าสีแดงเข้มนครที่ประดับด้วยทองคำอัญมณีและไข่มุก
17. เพราะภายในชั่วโมงเดียว ทรัพย์สมบัติที่มากมายเช่นนี้ก็ยังสูญสิ้นไป”และกัปตันเรือทุกคน ผู้โดยสารทั้งหมด พวกกะลาสีและคนทั้งหลายที่มีอาชีพทางทะเลก็ยืนอยู่ห่างๆ
18. และส่งเสียงร้องเมื่อเห็นควันไฟที่ไหม้นครนั้น กล่าวว่า “นครใดจะเหมือนมหานครนี้”
19. และเขาทั้งหลายก็โปรยผงคลีลงบนศีรษะของตน ส่งเสียงร้องไห้โศกเศร้า กล่าวว่า“วิบัติแล้ว วิบัติแล้ว นครที่ยิ่งใหญ่นครซึ่งทุกคนที่มีเรือเดินทะเลต่างเคยมั่งมีจากความมั่งคั่งของนครนั้นเพราะภายในชั่วโมงเดียวนครนั้นก็สูญสิ้น”
20. จงรื่นเริงเพราะนครนั้นเถิด เมืองสวรรค์ทั้งบรรดาธรรมิกชน อัครทูตทั้งหลายและพวกผู้เผยพระวจนะเพราะพระเจ้าทรงพิพากษาลงโทษนครนั้นให้กับเจ้าทั้งหลายแล้ว
21. และทูตสวรรค์องค์หนึ่งที่มีฤทธิ์มาก ก็ยกหินก้อนหนึ่งที่เหมือนอย่างหินโม่ใหญ่ทุ่มลงไปในทะเลแล้วกล่าวว่า“บาบิโลนนครที่ยิ่งใหญ่จะถูกทุ่มลงอย่างแรงเช่นนี้แหละและจะไม่มีใครพบเห็นนครนั้นอีกเลย
22. และจะไม่มีใครได้ยินเสียงนักดีดพิณ นักดนตรีนักเป่าขลุ่ยและนักเป่าแตรในตัวเจ้าอีกต่อไปและจะไม่มีใครพบเห็นช่างแขนงใดๆ ในตัวเจ้าอีกต่อไปและจะไม่มีใครได้ยินเสียงโม่แป้งในตัวเจ้าอีกต่อไป