9. เมื่อน้ำค้างตกลงมาเหนือค่ายตอนกลางคืน มานาก็จะตกลงมากับน้ำค้างด้วย)
10. เมื่อโมเสสได้ยินประชาชนร้องไห้กันไปทั่วตระกูลต่างๆ โดยแต่ละคนอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน และพระยาห์เวห์กริ้วอย่างยิ่ง โมเสสก็ไม่พอใจด้วย
11. โมเสสจึงกราบทูลพระยาห์เวห์ว่า “ทำไมพระองค์จึงทรงให้ผู้รับใช้ของพระองค์ลำบากเช่นนี้? ทำไมข้าพระองค์จึงไม่เป็นที่โปรดปรานต่อพระองค์? พระองค์จึงทรงวางภาระเรื่องประชาชนทั้งหมดนี้ลงบนข้าพระองค์
12. ข้าพระองค์ตั้งครรภ์คนพวกนี้มาหรือ? ข้าพระองค์คลอดคนพวกนี้หรือ? พระองค์จึงตรัสกับข้าพระองค์ว่า ‘จงโอบอุ้มเขาทั้งหลายไว้ในอกของเจ้าเหมือนพี่เลี้ยงโอบอุ้มเด็กทารก และนำไปยังแผ่นดินที่พระองค์ทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของเขา’
13. ข้าพระองค์จะหาเนื้อจากไหนมาให้แก่คนทั้งหมดนี้? เพราะพวกเขาร้องไห้ต่อข้าพระองค์ว่า ‘ขอเนื้อให้เรากิน’
14. ข้าพระองค์ไม่สามารถโอบอุ้มคนเหล่านี้แต่ลำพังเพราะเป็นภาระหนักเกินไปสำหรับข้าพระองค์
15. ถ้าพระองค์จะทรงทำต่อข้าพระองค์เช่นนี้ และถ้าข้าพระองค์เป็นที่โปรดปราน ก็ขอทรงประหารข้าพระองค์ทันทีเถิด ขออย่าให้ข้าพระองค์เห็นความทุกข์ยากของข้าพระองค์เลย”
16. พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงรวบรวมพวกผู้ใหญ่ในอิสราเอลให้เราเจ็ดสิบคน เป็นคนที่เจ้ารู้ว่าเป็นผู้ใหญ่ของประชาชนและเป็นเจ้าหน้าที่ของเขาทั้งหลาย จงพาพวกเขามาที่เต็นท์นัดพบและให้ยืนอยู่พร้อมกับเจ้าที่นั่น
17. เราจะลงมาสนทนากับเจ้าที่นั่น และเราจะเอาจากวิญญาณที่มีอยู่บนเจ้ามาใส่บนคนเหล่านั้นด้วย และให้เขาทั้งหลายแบกภาระของประชาชนเหล่านี้ร่วมกับเจ้า เพื่อเจ้าจะไม่ต้องแบกคนเดียว
18. และจงกล่าวกับประชาชนว่า ‘ให้พวกท่านชำระตัวให้บริสุทธิ์ในวันพรุ่งนี้ และท่านจะได้รับประทานเนื้อเพราะพวกท่านร้องไห้ต่อพระกรรณของพระยาห์เวห์ว่า “ใครจะทำให้เรามีเนื้อกิน? เมื่ออยู่ในอียิปต์เราก็สุขสบาย” เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์จะประทานเนื้อให้ท่านทั้งหลาย และพวกท่านจะได้รับประทาน